บทความด้าน หู คอ จมูก
ความรู้เรื่อง ริดสีดวงจมูก
ริดสีดวงจมูก เป็นเนื้องอกไม่ร้ายในโพรงจมูกที่พบได้บ่อยที่สุด ลักษณะจะเป็นติ่งเนื้อกึ่งใสสีคล้ายคล้ายผลองุ่นปอกเปลือก มักจะพบหลายๆ ก้อน และมักพบทั้ง 2 ข้างของโพรงจมูก ในรายที่ริดสีดวงจมูกโตมากอาจห้อยลงมาทางด้านหน้าของโพรงจมูก เห็นเป็นก้อนจุกอยู่ที่รูจมูกได้ หรือบางรายริดสีดวงอาจยื่นมาทางด้านหลังของโพรงจมูกเห็นเป็นก้อนย้อยลงไปในคอได้
สาเหตุ
จนถึงปัจจุบันสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดริดสีดวงจมูกยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด อย่างไรก็ตามมีปัจจัยสำคัญ 3 ประการที่มีส่วนในการเกิดริดสีดวงจมูก ได้แก่
• การอักเสบเรื้อรังและการติดเชื้อซึ่งกลับเป็นซ้ำบ่อยๆ ของเยื่อบุจมูกและเยื่อบุไซนัส ซึ่งมีผลทำให้เกิดการบวมของเยื่อบุโพรงจมูก
• ความผิดปกติของการตอบสนองของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของหลอดเลือดและ ภาวะความไวเกินของหลอดเลือดที่มาเลี้ยงเยื่อบุจมูกและเยื่อบุไซนัสทำให้เกิด การบวมของเยื่อบุโพรงจมูก
• ความผิดปกติของกระแสลมที่ผ่านเข้าไปบริเวณซึ่งเป็นต้นตอของริดสีดวงจมูก ได้แก่ บริเวณโพรงจมูกส่วนกลาง และบริเวณรูเปิดของ ไซนัส
อาการ
เมื่อริดสีดวงจมูกมีขนาดโตขึ้น จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการคัดแน่นจมูก ซึ่งจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ มีอาการจามหรือน้ำมูกได้ คล้ายหวัดหรือภูมิแพ้เรื้อรัง ได้รับกลิ่นน้อยลงหรือไม่ได้กลิ่น ถ้าเป็นมากจะอุดตันรูเปิดไซนัสทำให้ เป็นไซนัสอักเสบร่วมด้วย มีน้ำมูก เสมหะเหลืองเขียวไหลลงคอ มีอาการปวดตื้อบริเวณแก้มหรือสันจมูก ปวดหรือมึนศีรษะ เจ็บคอเรื้อรัง ไอหรือกระแอมบ่อย ระคายคอ แสบคอ และหูอื้อได้
การวินิจฉัยโรค
การตรวจวินิจฉัยทำได้ง่าย อาศัยอาการและอาการแสดงดังกล่าว โดยเฉพาะการตรวจจมูกและโพรงหลังจมูก หรือการตรวจโดยส่องกล้องดูในโพรงจมูก(nasal endoscopy)เพื่อดูให้ทั่วถึงด้านใน อาจส่งถ่ายภาพรังสีของไซนัสร่วมด้วย ในรายที่สงสัยว่ามีไซนัสอักเสบร่วมด้วย
การรักษาผู้ป่วยที่มีริดสีดวงจมูก
เป้าหมายของการรักษา มีดังนี้
1. กำจัดริดสีดวงจมูกหรือทำให้ริดสีดวงจมูกมีขนาดเล็กลง
2. ทำให้จมูกโล่งขึ้น และหายใจทางจมูกได้
3. ไม่มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล คัน จาม หรือ เสมหะไหลลงคอ
4. ดมกลิ่นได้ปกติ
5. รักษาไซนัสอักเสบ (ถ้ามีร่วมด้วย) โดยการให้ยา และ / หรือ การผ่าตัด
6. รักษาโรคที่เกิดร่วมกับริดสีดวงจมูก หรือภาวะที่เป็นปัจจัยส่งเสริม หรืออาจเป็นสาเหตุของริดสีดวงจมูก เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำของริดสีดวงจมูก
โดยทั่วไปวิธีการรักษาริดสีดวงจมูกแบ่งเป็น 4 วิธี คือ
1. ยาสเตียรอยด์ชนิดพ่นจมูก
ยา สเตียรอยด์ชนิดพ่นจมูกเป็นยาที่ใช้ในการรักษาริดสีดวงจมูกที่มีการศึกษาแล้ว ว่าได้ผลดี และปลอดภัย โดยยาจะช่วยลดขนาดของริดสีดวงจมูกและป้องกันไม่ให้มีขนาดโตขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม มักจะได้ผลดีในกรณีที่เป็นไม่มากนัก ผู้ป่วยบางรายไม่ตอบสนองต่อการใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดพ่นจมูก ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่ ยาไม่สามารถกระจายเข้าไปในโพรงจมูกได้เต็มที่เนื่องจากมีริดสีดวงจมูกอยู่ เต็มจมูก หรือในผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อเช่น ไซนัสอักเสบร่วมด้วย อาจมีน้ำมูกเหลืองข้นคาอยู่ในโพรงจมูก ถึงแม้ว่าการใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดพ่นจะได้ผลดีในการรักษาริดสีดวงจมูก แต่ริดสีดวงจมูกก็ไม่ได้ยุบหายไปหมด ดังนั้นหลังจากการใช้สเตียรอยด์ชนิดพ่นจมูกระยะหนึ่งแล้ว ถ้ายังมีริดสีดวงจมูกเหลืออยู่และอาการผู้ป่วยยังไม่ดีขึ้น ควรผ่าตัดเอาริดสีดวงจมูกออก
2. ยาสเตียรอยด์ชนิดกินหรือฉีด
การ ใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดกินหรือฉีดร่วมกับยาสเตียรอยด์ชนิดพ่นจะทำให้อาการผู้ ป่วยดีขึ้นมากและขนาดของริดสีดวงจมูกเล็กลงอย่างชัดเจน และทำให้การได้รับกลิ่นดีขึ้นด้วย ลดจำนวนผู้ป่วยที่ต้องรักษาโดยการผ่าตัดได้ ขนาดของยาสเตียรอยด์สามารถลดลงได้เรื่อยๆ โดยที่อาการทางจมูกของผู้ป่วยยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่อาจจะไม่สามารถทำให้ริดสีดวงจมูกหมดไปได้ แต่ข้อเสียคือการให้ในรูปกินหรือฉีดติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะมีผลเสียต่อร่างกายได้
3.การทำผ่าตัดเอาริดสีดวงจมูกออกแบบธรรมดา (simple polypectomy)
การ ผ่าตัดเอาริดสีดวงจมูกออกอาจจะใช้วิธีดั้งเดิมคือ การใช้ลวดคล้องและดึงออกมา เป็นการผ่าตัดเอาริดสีดวงจมูกออกเท่านั้น ไม่ได้ผ่าตัดเข้าในไซนัส พบว่าการกลับเป็นซ้ำของริดสีดวงจมูกหลังจากผ่าตัดวิธีนี้อยู่ในเกณฑ์ค่อน ข้างสูง
3. การผ่าตัดริดสีดวงจมูกและไซนัสด้วยการใช้กล้อง (endoscopic sinus surgery)
การผ่าตัดรักษาริดสีดวงจมูกด้วยการใช้กล้องนั้น ส่วนใหญ่จะได้ผลดีถึงดีมาก โดยได้ผลสำเร็จร้อยละ 80 ขึ้นไป การผ่าตัดริดสีดวงจมูก และไซนัสด้วยกล้องในที่นี้ประกอบด้วย การตัดเอาริดสีดวงจมูกออกร่วมกับการผ่าตัดบริเวณรูเปิดไซนัสให้โล่ง การผ่าตัดด้วยกล้อง จะมีข้อดีกว่าในแง่ประสิทธิภาพของการรักษาริดสีดวงจมูก เมื่อเทียบกับการทำผ่าตัดเอาริดสีดวงจมูกออกแบบธรรมดา
โดยสรุปการผ่าตัดโดยการใช้กล้องเป็นทางเลือกที่ดีในการผ่าตัดรักษาริดสีดวง จมูก ควรเลือกใช้การผ่าตัดด้วยกล้องหลังจากให้การรักษาด้วยยาเต็มที่แล้ว แต่อาการผู้ป่วยไม่ดีขึ้น หลังผ่าตัดก็จะต้องติดตามผู้ป่วยและให้การรักษาด้วยยาต่อเนื่องไป โดยการปรับขนาดของยาสเตียรอยด์ชนิดกินและพ่นให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการรักษาริดสีดวงจมูก
ขอขอบพระคุณ แหล่งที่มาข้อมูล ราชวิทยาลัย โสต ศอ นาสิกแพทย์ แห่งประเทศไทย www.rcot.org/